หมวกกันน็อค

วิธีเลือกหมวกกันน็อก





Full Face

          หลังจากรู้ถึงมาตรฐานและประเภทต่าง ๆ ของหมวกกันน็อกกันไปแล้ว ก็มาถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือวิธีเลือกหมวกกันน็อกนั่นเอง รู้ไหมว่าหมวกกันน็อกที่ไม่พอดี อาจสร้างปัญหาให้กับผู้สวมใส่ได้ ทั้งอาจเลื่อนไปมาจนถึงขั้นหลุดออกจากหัวเราเมื่อเกิดอุบัติเหตุเลยล่ะ รู้อย่างนี้แล้ว จะอยู่เฉยได้ยังไง ถ้างั้นมาดูวิธีการเลือกหมวกกันน็อกที่เหมาะกับเรากันดีกว่า

          1. เลือกหมวกให้พอดีกับหัว

          หมวกกันน็อกก็เหมือนเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่ต้องการความพอดี ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องรู้ขนาดของหัวเราด้วย โดยจะวัดจากเส้นรอบวงตรงหน้าผากแล้วนำขนาดของเราไปเทียบกับตารางขนาดของผู้ผลิตหรือป้ายระบุขนาดที่ติดบนหมวกได้เลย ซึ่งเรื่องของขนาดหมวกถือว่ามีความสำคัญมากทีเดียว 

          แต่ถึงแม้ว่าเราจะวัดขนาดมาดีแค่ไหนก็ใช่ว่าจะใส่ได้พอดีทันที ดังนั้น เราควรทดสอบมันสักหน่อย เพื่อให้ได้ของที่ดีที่สุดนั่นเอง และการทดสอบก็ไม่ได้ยากเลย เพียงแค่ทำขั้นตอนเหล่านี้ครับ

          สวมหมวกและรัดคางให้เรียบร้อย จากนั้นลองขยับหัวไปมาพอประมาณ ถ้าหมวกพอดี เราจะรู้สึกว่าหมวกไม่ขยับ แต่ถ้าหมวกขยับตามล่ะก็ ลองเลือกหมวกที่มีขนาดเล็กลงเลยครับ

          ใช้มือดันหลังหมวก เกร็งคอไว้เล็กน้อย แล้วลองนำนิ้วก้อยสอดขึ้นไปบริเวณหน้าผากดู ถ้าหากสอดเข้าไปเต็ม ๆ ได้ก็ควรเลือกใบที่เล็กลงเช่นกัน เพราะช่องว่างระหว่างหน้าผากกับหมวกที่มากเกินไปจะทำให้เกิดการกระแทกขึ้น
 
          ปรับสายรัดคางให้แน่น จับหมวกกันน็อกให้มั่นแล้วลองดึงขึ้นลง ถ้าหากรู้สึกว่าหมวกเลื่อนขึ้นลงตามแต่หัวเราไม่ขยับตาม แปลว่าหมวกอาจไม่พอดี เพราะหมวกลักษณะนี้อาจหลุดได้หากเกิดอุบัติเหตุ
          
          2. น้ำหนักกับกระจกบังลมก็สำคัญ

          ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงต่อมา เพราะน้ำหนักหมวกที่พอดีจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของเราอย่างชัดเจน โดยลดอาการเมื่อยล้า เพิ่มความคล่องแคล่วในการหันมองทิศทางต่าง ๆ ส่วนกระจกบังลมก็ควรเปิดได้ง่าย แข็งแรง ยืดหยุ่น ในบางรุ่นก็สามารถป้องกันฝ้าได้ ซึ่งมีประโยชน์มากทีเดียว

          3. ถอดออกได้รวดเร็วหลังประสบเหตุ

          หมวกกันน็อกที่ถอดออกได้รวดเร็วมีความจำเป็นมากเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพราะเมื่อมันได้ทำหน้าที่ปกป้องเราไปแล้ว ก็ถึงเวลาของเจ้าหน้าที่พยาบาลที่จะมารับช่วงดูแลเราต่อ ซึ่งหากเกิดอาการบาดเจ็บสาหัสจนถึงขึ้นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หมวกกันน็อกที่ถอดได้เร็วจะช่วยชีวิตนักบิดได้จริง ๆ โดยมาตรฐาน SNELL บังคับให้หมวกสามารถถอดโดยผู้อื่นภายใน 30 วินาทีด้วย ดังนั้น เมื่อเลือกหมวกก็ควรคำนึงถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน

          4. ห้ามใช้หมวกกันน็อกใบเดิมหลังจากกระแทกหรือเกิดอุบัติเหตุแล้ว

          เป็นข้อหนึ่งที่หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับหมวกกันน็อก เนื่องจากว่าบางครั้งเราไม่เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในหมวกนั่นเอง หมวกกันน็อกส่วนใหญ่ใช้โฟมเป็นวัสดุซับแรงกระแทก ซึ่งเมื่อโฟมได้รับแรงกระแทกแล้วจะไม่คืนรูปกลับมาเหมือนเดิมจึงไม่สามารถปกป้องหัวของคุณได้อีกแล้ว ดังนั้น เมื่อหมวกได้ทำหน้าที่ปกป้องหัวของคุณแล้ว ก็ควรเปลี่ยนใหม่เสีย อย่าใช้ซ้ำด้วยความเสียดายเลยนะครับ

          5. ถอดมาทำความสะอาดได้
          หมวกกันน็อกเป็นเหมือนเสื้อผ้าที่สัมผัสกับร่างกายเราโดยตรง คิดดูว่าเมื่อเราขับขี่ไปบนถนนที่สภาพอากาศแสนจะร้อนระอุ เหงื่อหรือฝุ่นต่าง ๆ ก็จะสะสมอยู่ภายในหมวก คุณจึงควรทำความสะอาดหมวกบ้างเช่นเดียวกับการซักเสื้อผ้า เพื่อให้ง่ายจึงควรมองหาหมวกกันน็อกแบบที่สามารถถอดส่วนต่าง ๆ เช่น ผ้าซับใน หรือกระจกบังลม ออกมาล้างทำความสะอาดได้ ซึ่งนอกจากจะสะอาดแล้วยังเพิ่มอายุการใช้งานของหมวกอีกด้วย

          6. หมวกกันน็อกก็ไฮเทคได้

          เทคโนโลยีเองก็ไปได้ทุกทีจริง ๆ ไม่เว้นแม้แต่หมวกกันน็อก ซึ่งนักบิดหลายคนมีความจำเป็นต่างกันไป เช่น ต้องคอยคุยวิทยุกับเพื่อนเพื่อตามก๊วนให้ทัน หรืออาจจะฟังเสียงจากระบบนำทางก็เป็นได้ ผู้ผลิตหมวกกันน็อกหลายรายจึงผลิตหมวกติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณเสียงหลายแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขับขี่ในปัจจุบัน ทั้งนี้บรรดานักบิดจึงควรเลือกหมวกหรืออุปกรณ์ที่ออกแบบโดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยมาแล้วนั่นเอง



หมวกกันน๊อกแบบโมดูลาหมวกน๊อกมอเตอร์ครอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น